วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิธีการดูแลสุนัขบางแก้ว

 การอาบน้ำ
          การที่จะรักษาขนของสุนัขให้สวยงามตลอดนั้นทำได้ไม่ยาก ผู้ที่เพิ่งเป็นเจ้าของสุนัข ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะต้องอาบน้ำทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างผิด ๆ การอาบน้ำเป็นประจำจะทำให้ขนเสีย ขนแห้ง ขนนิ่มบ้าง และขนร่วง การใช้โลชั่นและน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่าง ๆ ติดต่อกัน ก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ การดูแลขนให้สวยงามอยู่เสมอ เพียงแต่ใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ ลูบ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้ง นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ขนของมันอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว
ไม่ควรอาบน้ำถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แต่เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน สุนัขมีเหงื่อออกมาก ถ้ายิ่งปล่อยให้มันไปวิ่งซนนอกบ้านบ่อย ๆ ก็ยิ่งสกปรกเร็ว ควรพิจารณาดูจากสภาพของสุนัข เมื่อเห็นว่าขนเริ่มเหนียว สกปรก หรือมีกลิ่นเหม็นก็อาบน้ำให้สุนัขได้ ปกติควรเริ่มอาบน้ำเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป แต่หากได้สุนัขมาจากที่อื่น ควรพิจารณาจากสภาพว่าสกปรกมากน้อยแค่ไหน สุขภาพแข็งแรงหรือไม่ เห็บหมัดมากน้อยอย่างไร หากอยู่ในเกณฑ์พอสมควรเป็นไปได้ก็ให้รีบอาบน้ำเลย เพื่อป้องกันการระบาดของเห็บหมัด และรักษาโรคผิวหนังพร้อมกับการทำความสะอาด
         สุนัขที่โตแล้วควรจะอาบน้ำทุก 3 ถึง 4 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม การอาบน้ำควรอาบในเวลากลางวันที่มีแดดออก แต่ไม่ใช่กลางแสงแดด ควรเป็นแดดอ่อน ๆ จึงได้ผึ่งตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ แชมพูที่ใช้อาบควรใช้แชมพูที่ผลิตมาเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ เพราะการอาบน้ำจะดึงเอาน้ำมันตามธรรมชาติออกมา จึงไม่ควรใช้สบู่กรดหรือผงซักฟอก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบได้ ขณะอาบน้ำต้องระวังไม่ได้ฟองสบู่เข้าตาหรือน้ำเข้าหูได้ อาจใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้าง พร้อมกับใช้มือกดใบหูให้หลุบลงเพื่อป้องกันน้ำเข้า การอาบน้ำควรจะราดน้ำให้เปียกทั่วตัวก่อน แล้วจึงถูสบู่หรือแชมพูให้ทั่วตัว แชมพูบางชนิดมีคำแนะนำให้ทิ้งไว้นานเท่าใด เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ปฏิบัติตามนั้น ควรฟอกสัก 2 ครั้ง จากนั้นล้างแชมพูออกให้หมด อาจใช้ครีมนวดเล็กน้อย เพื่อให้ขนเงางาม ล้างน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง เอาสำลีที่อุดหูออก
หลังอาบน้ำเสร็จแล้วไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าเช็ดตัว ต้องเช็ดตัวหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนให้แห้ง เพื่อป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา และโรคปอดบวม
 

การแปรงขน
         หมาบางแก้ว เป็นสุนัขที่ไม่ต้องดูแลขนเป็นพิเศษเหมือนสุนัขพันธุ์ขนยาว เพียงแค่ต้องการการแปรงขนบ่อย ๆ เพื่อให้สุขภาพขนดีและผิวหนังสดชื่นอยู่เสมอ การแปรงขนยังเป็นการช่วยนวดให้ต่อไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
         เริ่มด้วยการใช้ถุงมือแปรงขนสวมมือแล้วลูบให้ทั่วตัว เพื่อกำจัดขนที่ร่วงและหมดอายุแล้วออกไป ใช้หวีค่อย ๆ สางขนที่ติดพันกันออกเสียก่อน แปรงขนให้ทั่วทั้งตัว เริ่มจากศีรษะ ต้นคอ ลำตัว ใต้ท้อง บริเวณขาหน้า ขาหลัง ไปจนถึงหาง ปฏิบัติกับสุนัขด้วยความอ่อนโยน แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่แปรงสวนทิศทางของขน เพื่อสุขภาพที่ดีควรแปรงขนวันละครั้ง เพื่อให้ผิวหนังสดชื่น
         หลังจากแปรงขนเสร็จ ใส่ถุงมือที่ปล่อยให้นิ้วโผล่ เพื่อนวดหนังมัน โดยใช้ครีมนวด (ลาโนลีน) โดยแต้มครีมนวดบนฝ่ามือ ถูมือแล้วลูบไปบนขน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง น้ำมันเหล่านี้จะช่วยป้องกันหนังและขนให้พ้นจากแสงแดดและลมที่อยู่รอบตัว หรือคุณอาจใช้มือนวดไปที่หนังของมันน้ำมันธรรมชาติจากมือคุณจะถ่ายทอดไปยังหนังและขนทำให้ขนเป็นประกายเงางาม ดูเป็นสุนัขที่มีสุขภาพดี แต่ถ้านวดด้วยครีมนวดจะเห็นผลเร็วกว่า เสร็จแล้วใช้ผ้านิ่ม ๆ เช่น ผ้าขนสัตว์ของสุนัข ผ้าไหม หรือผ้าต่วนลูบ ขนจะแลดูสวยงามยิ่งขึ้น
         ถ้าคุณต้องการเห็นขนของสุนัขสวยอยู่ตลอดเวลา การให้วิตามินต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่จำเป็น วิตามินจะช่วยให้ขนไม่ร่วง นอกจากการร่วงตามปกติปีละครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุที่ความร่างเริงของมัน ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของมันสูง มันจึงไม่อาจจะคงพละกำลังไว้พร้อม ๆ กับรักษาขนให้มีสีสดสวยได้พร้อม ๆ กัน เว้นเสียแต่จะให้วิตามินและแร่ธาตุแก่มันอย่างเพียงพอ และให้โปรตีนและไขมันอย่างได้สัดส่วน

การดูแลเล็บ (การตัดเล็บ)
         สุนัขที่เลี้ยงปล่อยวิ่งเล่นตามสนามหญ้าหรือพื้นปูนซีเมนต์ โดยทั่วไปแล้วเล็บจะสึกหรอเอง โดยการเสียดสีกับพื้น ซึ่งไม่ต้องตัดให้เสียเวลา อย่างมากก็แค่เล็มให้เสมอกับส่วนที่สึกหรอกว่า ส่วนสุนัขที่เลี้ยงบนพื้นไม้ในบ้านหรือปูพรม จะมีเล็บยาวเร็วกว่าปกติ ทำให้สุนัขเดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคดหรือแยกออกจากกัน ดูไม่สวยงาม ถ้าเล็บถอนหรือตะกุยตะกายเจ้าของ เบาะ หรือประตู จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเป็นแผล ดังนั้นจึงควรตัดเล็บทุก ๆ เดือน
ขั้นตอนในการตัดเล็บ ให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขและไฟฉาย นำสุนัขวางลงบนพื้นข้าง ๆ เรา ดึงขามาข้างหนึ่ง เอาไฟฉายส่องใต้เล็บให้สามารถมองเห็นเนื้อสีชมพูภายในเล็บได้อย่างชัดเจน ควรตัดให้ห่างจากบริเวณนี้ประมาณ 2 มิลลิเมตร ถ้าไม่แน่ใจอาจตัดห่างกว่านี้ก็ได้ ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ตัดลึกเข้าไปถึงส่วนที่มีเส้นเลือดปรากฏอยู่ ถ้าเกิดตัดพลาดไปโดนส่วนนี้เข้า จะทำให้สุนัขเจ็บปวดมาก ต้องห้ามเลือดโดยการใช้แห้งห้ามเลือด หรือใช้สำลีชุมทิงเจอร์ไอโอดีนกดไว้ที่ปลายเล็บแน่น ๆ เลือดก็จะหยุดไหลไปเอง ยิ่งถ้าสุนัขของคุณมีเล็บสีเข้มคุณยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะสังเกตได้ยาก ถ้าจะให้ดีควรตัดเล็บสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าเริ่มชำนาญกับการตัดเล็บแล้ว ควรทำหลังจากตัดแต่งขนเลย หรือจะตัดหลังการอาบน้ำก็ได้ เพราะเล็บที่เปียกน้ำอยู่จะอ่อนตัวง่ายกว่าธรรมดา


การดูแลฟัน
         เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพเหงือกและฟันของสุนัขให้ดี เราควรแปรงฟันให้กับสุนัขเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันนุ่ม ๆ (แปรงสีฟันเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้วก็ได้) และยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ แปรงให้กับสุนัขเพื่อป้องกันการเกิดทาร์ทาร์ (Tartar) หรือคราบหินปูน เป็นสารสีเหลือง ๆ เกาะฟันสุนัข ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคเหงือกและฟัน และยังทำให้ปากเหม็นอีกด้วย คราบหินปูนเหล่านี้ถ้าไม่รีบกำจัดออก จะเป็นปัญหามากขึ้นสำหรับสุนัขที่อายุมาก จะทำให้เกิดความรำคาญ ทำให้อารมณ์ไม่ดีเอาง่าย ๆ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์




การคัดเลือกลูกสุนัข





1.ลูกสุนัขต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 45 วันแต่จะให้ดีที่สุดก็คือ 60 วันขึ้นไป
2.ต้องดูเรื่องความสะอาดของสถานที่ ความสะอาดของลูกสุนัข ความสะอาดของ ตัวพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เป็นอันดับแรก หากไม่ผ่านการพิจารณาก็ขอให้หาลูกสุนัขที่อื่นดีกว่า
3.ต้องดูที่ความสมบูรณ์แข็งแรงของลูกสุนัข เป็นหลักในการพิจารณา ต้องเป็นลูกสุนัขที่สมบูรณ์ทั้งตัว ถ้าอ้วนเฉพาะท้อง แต่ตัวผอมแกน บอกได้เลยว่าลูกสุนัขเหล่านั้นป่วยเป็นพยาธิ ลูกสุนัขต้องหน้าตาแจ่มใส ร่าเริง ขี้เล่น อารมณ์ดี ไม่แสดงอาการนอนเซื่องซึม ไม่มีน้ำมูก มีแววตาที่สดใสไม่มีขี้ตา เวลาถ่ายอุจาระต้องเป็นก้อนแข็ง ไม่ถ่ายเหลวเป็นน้ำ สีของอุจระต้องเป็นเข้ม จมูกต้องชุ่มชื้นไม่แห้ง
4. ต้องเลือกสุนัขที่อารมณ์ดี ไม่ขี้กลัว ไม่แสดงอาการก้าวร้าว ไม่รังแกลูกสุนัขตัวอื่นๆ วิ่งเข้าหาและเล่นกับคน
5.เลือกลูกสุนัขที่ สะโพกใหญ่ๆ มีกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการเป็นข้อสะโพก
6.จงเลือกลูกสุนัขตัวที่คุณชอบ แล้วพิจารณาตามหัวข้อที่บอกไว้เบื้องต้น เพราะนั่นเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกสุนัข
7.ต้องสอบถามผู้ขายว่า สุนัขทำวัคซีนหรือยัง


ข้อบกพร่องของสุนัขบางแก้ว
ข้อบกพร่องมี 3 ระดับ
        -ข้อบกพร่องเล็กน้อย ได้แก่ฟันเหลือง
        -ข้อบกพร่องปานกลาง ได้แก่ หางไพล่ ไม่มีแผงขนรอบคอ ไม่มีแข้งสิงห์ หู้ใหญ่ ปากใหญ่ ตาใหญ่ ตามกลม หลังแอ่น หลักโก่ง
        - ข้อบกพร่องร้ายแรง ได้แก่ ขนสั้นเกรียน จมูกสีอื่น ตาสีอื่น หูพริ้ว หูไม่ตั้ง ฟันบนยื่นล้ำฟันล่าง (Over Shot) ฟันล่างยื่นล้ำฟันบน (Under Shot) ฟันขาดเกินกว่า 3 ซี่ขึ้นไป ข้อสะโพกห่าง หางขอด หางม้วน หางไม่เป็นพวง หางขาด อัณฑะไม่ครบ ความผิดพลาดทางจิตประสาท



วิธีการเลือกซื้อสุนัขพันธุ์บางแก้ว

 

1.    ลำตัวต้องสั้นกระชับ เพราะเมื่อโตขึ้นรูปร่างนี้จะสมส่วนกว่าที่ลำตัวยาว ตัวผู้สูงประมาณ 45-53 เซนติเมตร หนัก 14-16 กิโลกรัม ตัวเมียสูงประมาณ 43-48 เซนติเมตร หนัก 13-15 กิโลกรัม

2.   ควรเลือกที่ใบหูต้องเล็กๆ 

3.   ตาของเค้าต้องรีคล้ายกับเม็ดอัลมอลด์ นัยน์ตาต้องสีน้ำตาลเท่านั้น

4.   จมูกส่วนปลายต้องเป็นสีดำสนิทเท่านั้น ห้ามมีสีอื่นปะปน

5.   ฟันล่างไม่ควรยื่น ล้ำมาครอบฟันบน แต่ส่วนมากในลูกสุนัขฟันบนจะยื่นล้ำฟันข้างล่าง เท่าก้านไม้ขีด พอเค้าโตขึ้นฟันก้อจะสบกันพอดีเหมือนกรรไกร ฟันซี่เล็กขาว คม ลิ้นเป็นสีชมพู

6.   ปากแหลมเรียว ถ้าดูจากด้านหน้าจะเห็นว่าจากกะโหลกลงมาถึงปากจะเล็กแคบลงมาเรื่อยๆ เหมือนสามเหลี่ยม

7.   สีขนที่ทราบแน่นอนตอนอายุ 3-4 เดือนหลังการผลัดขน คือ สีน้ำตาลแก่สีขาวปลอด สีดำปลอด สีด่างขาวน้ำตาล สีด่างขาว-ดำ และ สีนาค

8.   หางต้องใหญ่เป็นพวง ไม่ยาวเกินไป เพราะพอโตสมวัยหางจะยาวมาตรงกลางหลัง สวยงามพอดี
ถิ่นกำเนิดของสุนัขบางแก้ว

     
        ต้นกำเนิดของ สุนัขพันธุ์บางแก้ว อยู่ที่ วัดบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก สุนัขพันธุ์บางแก้ว เป็นสายเลือดผสมระหว่าง สุนัขพันธุ์ไทยพื้นบ้าน กับสุนัขป่า เนื่องจากภูมิประเทศแถบ ต.บางแก้ว  สมัยก่อนค่อนข้างมีลักษณะเป็นป่ามีต้นไม้หนาแน่น เป็นที่อาศัยของพวกสุนัขจิ้งจอก และสุนัขไน หรือที่เรียกว่า หมาไน ทำให้เกิดผสมพันธุ์กันระหว่าง สุนัข ทั้ง 3 สายพันธุ์ จนในที่สุดก็ได้เป็น”สุนัขพันธุ์บางแก้ว” ที่มีลักษณะหลายสีเหมือนสุนัขบ้าน มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ดุ รักถิ่นฐานเหมือนสุนัขบ้าน และกล้าหาญเหมือนสุนัขไน
       ต่อมา สุนัขพันธุ์บางแก้ว จึงนำมาเลี้ยงทั่วไปตามบ้าน เนื่องจากมีลักษณะเฉพาะ สวยงาม เลี้ยงง่าย ฝึกง่าย จึงทำให้ สุนัข บางแก้ว นี้กลายเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากใน จ.พิษณุโลก ตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า สุนัขพันธุ์บางแก้ว เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งยังสร้างชื่อเสียงและทำรายได้ระดับประเทศ



พฤติกรรมของสุนัขบางแก้ว
         

      อารมณ์และนิสัยของสุนัขบางแก้วจะเปลี่ยนแปลงไป ตามช่วงอายุ ในช่วงที่เป็นลูกสุนัข เริ่มหัดเดิน หัดวิ่ง ลูกสุนัขจะน่ารัก นิสัยดี ขี้เล่น คนเรียกก็จะวิ่งเข้าหา เล่นได้กับทุกคน แต่หลังจากพ้นระยะลูกสุนัขไป  สุนัขจะเริ่มจำเจ้าของและบุคคลใกล้ชิด สามารถจำกลิ่น จำเสียงและแยกได้ว่าใครคือคนแปลกหน้า สุนัขบางแก้วจะเริ่มไม่เป็นมิตรกับคนที่เขาไม่คุ้นเคย ไม่ยอมให้คนอื่นๆจับตัว เริ่มเห่า เริ่มขู่ เจ้าของจะต้องเรียนรู้วิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง เพื่อที่จะสามารถควบคุมสุนัขไม่ให้ดุมากเกินไป ต้องพาเขาออกไปพบเจอสิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่นอกบ้าน พาไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ได้พบเจอผู้คนที่มากหน้าหลายตา  ได้ฝึกการอยู่ร่วมกับคนหมู่มากในสังคม เขาจะได้ไม่เป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้กลัวและหวาดระแวง สามารถเดินท่ามกลางผู้คนและสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้ ด้วยความมั่นคงและมั่นใจในตัวเอ

มาตรฐานสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว

  

ลักษณะทั่วไป
       -เป็นสุนัขขนาดกลาง โครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสัดส่วนที่กลมกลืน ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีการเลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว
ส่วนหัว    กะโหลกค่อนข้างใหญ่ ได้สัดส่วนกับลำตัว
ลำตัว  
       -เส้นหลังตรง
       -แข็งแรงและกว้าง
       -บั้นท้ายใหญ่และแข็งแรง ส่วนหลังมีขนยาวลามมาจนถึงข้อขาหลังท่อนบน
       -อกกว้าง และลึกได้ระดับเดียวกับข้อศอก โครงกระดูกหน้าอกมีลักษณะเป็นรูปวงรี
       -เส้นล่างท้องเว้าไม่มาก
       -หางโคนหางใหญ่ ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาเส้นหลัง
ส่วนใบหน้า
       -จมูกสีดำ ขนาดได้สัดส่วนกับปาก
       -ริมฝีปากแนบสนิท มีสีเข้ม
       -ปากมีสีขาวรอบกรวยปาก (เรียกว่า ปากคาบแก้ว) 
       -ตาเล็กคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ มีสีดำและสีน้ำตาล
       -หูเป็นรูปสามเหลี่ยม มีขนาดเล็กได้สัดส่วนกับหัว 
       -คอใหญ่ ล่ำสัน รับกับหัว และช่วงไหล่มีแผงขนยาวรอบคอ
ประวัติสุนัขบางแก้ว

              
            สำหรับประวัติของสุนัขพันธุ์บางแก้วนั้นได้มีข้อสันนิฐานว่า  เกิดจากสุนัข 3 พันธุ์ด้วยกันผสมกันแล้วก็กลายมาเป็นบางแก้ว  นั้นก็คือ  พันธุ์ไทย  พันธุ์สุนัขจิ้งจอก  และสุนัขป่า  ซึ่งพอผสมกันแล้วจะมีลักษณะ  ขนยาวปลานกลาง  ปากแหลม  หางเป็นพวง  ซึ่งเป็นลักษระของสุนัข  จิ้งจอก  กะโหลกเป็นสามเหลี่ยม  ใบหูตั้งสั้นปลายแหลม  โคนหูห่างกันมากเป็นลักษณะของสุนัขป่าส่วนลักษณะของสีหรือรูปร่างก็คล้ายสุนัขพันธุ์พื้นบ้านของไทยทั่วไปนั้นเอง


วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แบบเสนอหัวข้อการสร้าง Blog รายวิชา ง31101 การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ผู้เสนอ น.ส.พิมพ์ภาพร โพธิ์ทอง ชั้น  ม. 4/8  เลขที่ 26
ชื่อ blog ภาษาไทย บางแก้วสุดโหด     
ชื่อ blog ภาษาอังกฤษ Glass brutal
ที่อยู่ blog glassbrutal.blogspot.com
ครูที่ปรึกษา 1.ครูศิวาวุธ  ภาณุพิจารย์ 
ที่มาและความสำคัญ
        เนื่องจากสุนัขบางแก้วเป็นที่นิยมแพร่หลายในการนำมาเลี้ยงไว้ในบ้าน และเป็นสุนัขที่นิยมในประเทศไทยและผู้จัดทำมีความชื่นชอบสุนัขบางแก้ว จึงจัดทำ blog บางแก้วสุดโหด ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุขนัขบางแก้วให้กับคนที่สนใจ
วัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน
       1. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขบางแก้ว                                                                         
       3. เพื่อศึกษาการสร้าง blog และเว็บไซต์
ซอฟแวร์ที่ใช้ในการพัฒนา
       1. www.blogger.com
       2. Photoshop
     
ขอบเขต
        เนื้อหาภายใน Blog จะประกอบไปด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับ สุนัขบางแก้ว โดยมีหัวข้อหลักดังนี้
     1.ลักษณะของสุนัขบางแก้ว
     2.การเลี้ยงดูสุนัขบางแก้ว
     3.รูปภาพ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
       1.เป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขบางแก้ว
       2.ได้รับความรุ้ในการสร้างเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557





ผู้สร้างบล็อก นางสาวพิมพ์ภาพร โพธิ์ทอง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 เลขที่26
โรงเรียนสงวนหญิง จังหวัดสุพรรณบุรี